Private Key
คือ กุญแจส่วนตัว ซึ่งใช้ถอดรหัสข้อมูล (Decryption) เนื่องจากความต้องการที่จะรักษาข้อมูลให้เป็นความลับ จึงต้องมีการแปลงข้อมูลโดยการเข้ารหัสข้อมูล (Encryption ) เพื่อไม่ให้บุคคลอื่นสามารถอ่านข้อมูลนั้นได้ โดยให้เฉพาะบุคคลที่ได้รับอนุญาต สามารถอ่านเข้าใจได้เท่านั้น ซึ่งเวลาที่เราสมัครวอลเล็ทต่างๆ เค้าจะให้เราตั้ง Private Key ไว้ด้วย เพื่อความปลอดภัย
P2P
คือ Peer to Peer การทำธุรกรรมการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ใช้และผู้ใช้ด้วยกันโดยไม่ผ่านตัวกลาง
Passive Income
การสร้างรายได้จากการลงทุน โดยที่ไม่ต้องลงแรงเพื่อให้ได้มา
Polygon (MATIC)
เหรียญคริปโตชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาใช้ในการซื้อขาย NFT มีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่า และทำธุรกรรมได้เร็วกว่า อิธีเรียม
Pre Sale
รอบการขาย NFT ที่เปิดขายก่อน ซึ่งส่วนใหญ่ทางผู้สร้างจะตั้งราคาให้ถูกกว่าราคาที่จะขายจริงในตลาด เหมือนเน้นการขายราคาเหมานั่นเอง (สำหรับโปรเจ็กต์ที่ดีส่วนใหญ่จะจำกัดการซื้อ 1 คน ต่อ 2 ผลงานเท่านั้น เพื่อป้องกันการปั่นราคา และทำให้เข้าถึงคนซื้อจำนวนมากขึ้น)
Public Sale
การขาย NFT แบบสาธารณะ ที่ทุกคนสามารถเข้าซื้อพร้อมกันได้ ซึ่งราคาอาจสูงกว่าแบบ Pre Sale
Primary NFT Market
ตลาดแรก : การซื้อ-ขายกันโดยตรงระหว่างผู้สร้างผลงานและผู้ซื้อ ผ่านทางเว็บไซต์ของโปรเจ็กต์นั้นๆ
Peg
คือ การตรึงราคาในการแลกเปลี่ยนระหว่างสินทรัพย์ทั้งสองตัว
Play-to-Earn (Play2Earn)
การทำธุรกิจในรูปแบบยิ่งเล่นยิ่งได้ช่วยสนับสนุนแนวคิดเศรษฐกิจแบบเปิด และให้รางวัลเป็นเงินตอบแทนแก่ผู้เล่นที่นำคุณค่ามาสู่ Metaverse หรือโลกเสมือน
Proof-of-History (PoH)
Node ในรูปแบบของ Proof of History (PoH) จะมีนาฬิกาภายในที่ตรวจสอบเหตุการณ์และเวลา เหตุการณ์ที่เข้ามาจะถูกแฮชโดยใช้ฟังก์ชันหน่วงเวลาที่ตรวจสอบได้ หรือที่เรียกว่า VDF ที่ช่วยเพิ่มความเร็วและเพิ่มขนาดให้กับบล็อกเชนได้
Proof-of-Stake (PoS)
กลไกฉันทามติของบล็อกเชน นอกเหนือจาก Proof-of-Work ที่ช่วยรักษาความสมบูรณ์ของ blockchain
Proof-of-Work (PoW)
กลไกฉันทามติเกี่ยวกับบล็อกเชนที่เกี่ยวข้องกับการถอดรหัสที่ต้องใช้การคำนวณขั้นสูง เพื่อตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมและสร้างบล็อกใหม่