คำศัพท์คริปโต ควรรู้ ข้อมูลเทคโนโลยีบล็อกเชน ฉบับอัพเดทใหม่ล่าสุด 2022

คำศัพท์คริปโต

คำศัพท์คริปโต ที่เราเอามาแนะนำนั้นจะช่วยให้เพื่อนๆ เข้าใจวงการสกุลเงินดิจิทัลกันมากขึ้นอย่างแน่นอน มีทั้งคำศัพท์เบื้องต้น และคำศัพท์ใหม่มากมายมาให้ศึกษากัน ซึ่งก่อนที่เราจะไปเริ่มลงทุนในคริปโต เราควรมีความรู้แน่นๆ ไว้ย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่า รู้ที่มา ที่ไป และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคำศัพท์ต่างๆ ที่ใช้ในวงการคริปโต ยิ่งเราได้รู้จักและทำความเข้าใจกับคำศัพท์พื้นฐานไว้มากเท่าไหร่ ก็จะทำให้เราเข้าใจการลงทุนในคริปโตมากขึ้น และจะทำให้การลงทุนของเรานั้นมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วย อยากรู้ว่า คริปโต เล่นยังไง แนะนำช่องยูทูปคริปโตที่นี่ นอกจากนี้ยังช่วยให้เราเข้าใจเวลาที่เราไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมจากบทความต่างๆ และการดูคลิปวิดิโอที่เกี่ยวข้องกับคริปโตอีกด้วย จะมีคำว่าอะไรบ้างนั้น ไปอ่านกันต่อเลย

คำศัพท์คริปโต อัพเดทล่าสุด 2022

Crypto Currency

คือ สกุลเงินดิจิทัลที่ถูกเข้ารหัส เพื่อใช้ในการป้องกัน และยืนยันธุรกรรมผ่านระบบที่เรียกว่า “บล็อกเชน (Blockchain)” เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน

Fiat Currency

คือ เงินตรา หรือ เงินกระดาษ (Fiat Currency) เป็นสกุลเงินที่ถูกกำหนดขึ้นให้เป็นเงินที่สามารถใช้ได้ตามข้อกำหนดของรัฐบาลหรือตามกฎหมาย ออกโดยรัฐบาลตามระเบียบหรือกฎหมายของประเทศนั้นๆ ตัวอย่างเช่น ไทยบาท (THB) ดอลล่าร์สหรัฐ (USD)

Blockchain

คือ เทคโนโลยีว่าด้วยระบบการเก็บข้อมูล (Data Structure) ซึ่งไม่มีตัวกลาง แต่ข้อมูลที่ได้รับการปกป้องจะถูกแชร์และจัดเก็บเป็นสำเนาไว้ในเครื่องของทุกคนที่ใช้ฐานข้อมูลเดียวกันเสมือนห่วงโซ่ (Chain) โดยทุกคนจะรับทราบร่วมกัน ว่าใครเป็นเจ้าของและมีสิทธิในข้อมูลตัวจริง เมื่อมีการอัปเดตข้อมูลใด ๆ สำเนาข้อมูลในฐานเดียวกันก็จะอัปเดตตามไปด้วยทันที ทำให้การปลอมแปลงข้อมูลไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทุกคนต้องรับทราบและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลร่วมกันได้

Coin

เหรียญ (Coin) คือ สกุลเงินดิจิทัลที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยมีเครือข่ายบล็อกเชนของตนเอง มักมีบทบาทเปรียบเสมือนเงินที่ใช้ในการแลกเปลี่ยน แต่อยู่ในรูปแบบดิจิทัล และมีโปรเจกต์เพื่อพัฒนาเครือข่ายของในอนาคต โดยเหรียญแต่ละเหรียญจะแตกต่างกันในแง่ของขนาดเครือข่าย ปริมาณเหรียญ ประสิทธิภาพการทำงาน และระบบฉันทามติ (Consensus Algorithm) เป็นต้น ตัวอย่างเหรียญ เช่น Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), และ Dogecoin (DOGE)

Token

โทเคน (Token) คือสกุลเงินดิจิทัลที่สร้างขึ้นมาบนเครือข่ายบล็อกเชนอื่น ๆ ไม่มีเครือข่ายเป็นของตัวเอง ซึ่งมีฟังก์ชันการใช้งานที่แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างโทเคน เช่น Tether (USDT), Yearn Finance (YFI),และ Uniswap (UNI) เป็นต้น

โทเคน (Token) ถูกสร้างขึ้นมาโดยการเขียน สัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) เพื่อสร้าง dApps (Decentralized Application) หรือ DeFi (Dencetralized Finance) ซึ่งผู้สร้างสามารถเลือกเครือข่ายบล็อกเชนในการสร้างได้ด้วยตนเอง อาทิ Ethereum หรือ Binance Smart Chain เป็นต้น

Bitcoin

BTC หรือ Bitcoin ถูกสร้างขึ้นมาโดยผู้ใช้นามแฝงว่า Satoshi Nakamoto เป็นสกุลเงินดิจิทัลสกุลแรกของโลกที่ใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนในการบันทึกธุรกรรม ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ใช้และผู้ใช้ด้วยกันโดยไม่ผ่านตัวกลาง (P2P) Bitcoin ถูกสร้างขึ้นมาให้มีจำนวนจำกัดอยู่ที่ 21 ล้านเหรียญ

Ethereum

ETH หรือ Ethereum ร่วมสร้างขึ้นโดยนาย Vitalik Buterin เป็นเครือข่ายบล็อกเชนที่ใช้ Smart contract ได้อย่างมีประสิทธิภาพเป็นเครือข่ายแรก ทำให้เหล่านักพัฒนาเข้ามาสร้างแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ ขึ้นบนเครือข่ายมากมาย เช่น Uniswap, Cryptokitties หรือ Foundation เป็นต้น

Stable Coin

คือ สกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอร์เรนซี ที่มีกลไกสำหรับการคงมูลค่า ยกตัวอย่างเช่นการตรึงมูลค่าด้วยสกุลเงินหลักของโลก หรือสินค้าโภคภัณฑ์หนุนหลัง การตรึงมูลค่าด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลหนุนหลัง และการควบคุมปริมาณเหรียญด้วยกลไกทางคอมพิวเตอร์ จึงทำให้ Stablecoin คล้ายกับ ‘เงิน’ เพราะรักษามูลค่า (store of value) เอาไว้ได้ ตัวอย่างเช่น

Alt Coin

คือ สกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ ที่เกิดขึ้นหลังจาก Bitcoin แต่ทำงานอยู่บนระบบ Blockchain โดยมีที่มาจากคำว่า ‘Alternative’ (ทางเลือก) และ ‘Coin’ (เหรียญ) ที่รวมกันแล้วแปลว่า ‘เหรียญทางเลือก’ เพื่อให้รู้ว่า Altcoin หมายถึงเหรียญดิจิทัลอื่นนอกเหนือจาก Bitcoin

Smart Contract

คือ ‘สัญญาอัจฉริยะ’ ที่อยู่บนระบบ Blockchain ซึ่งเป็นได้ทั้งสัญญาว่าจ้าง การซื้อขาย หรือสัญญาของเอกสาร แต่แตกต่างจากสัญญาทั่วไปตรงที่สัญญาแสนฉลาดที่ว่านี้สามารถบันทึกข้อมูล ข้อตกลงสัญญา และสามารถยืนยันตัวเองได้ มันดำเนินการได้ด้วยตัวเองเมื่อเงื่อนไขที่ถูกเขียนไว้ครบถ้วน และกระจายสำเนาไปถึงทุกคนในระบบให้ตรวจสอบกันเอง โดยไม่ต้องมี ‘ตัวกลาง’ หรือมีคนมานั่งตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร

Centralized

คือ การควบคุมแบบรวมศูนย์

Decentralized

คือ การเอาตัวกลางออกจากระบบ แล้วใช้เครือข่ายในการควบคุมแทน หรือที่เรียกอีกอย่างว่า การกระจายศูนย์

Exchange

คือ กระดานเทรด ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแลกเปลี่ยนเงินคริปโตกับเงิน Fiat และใช้ในการแลกเปลี่ยนระหว่างเหรียญคริปโตด้วยกันเอง ตัวอย่างเช่น กระดาน Binance , กระดานบิทคับ

วิธีสมัคร Binance

Mining

คือ การขุด หรือการทำเหมืองนั่นเอง เมื่อมีธุรกรรมใหม่เกิดขึ้นในระบบบล็อกเชน ธุรกรรมชุดใหม่พวกนี้ต้องอาศัยการยืนยันธุรกรรม โดยเครื่องคอมพิวเตอร์ทั้งหมดนับหมื่นเครื่อง จะต้องแข่งการแก้สมการคณิตศาสตร์ให้สำเร็จ หากเครื่องไหนแก้ไขหรือเดาตัวเลขได้ถูกก่อนก็จะมีสิทธิบันทึกธุรกรรมใหม่เข้าไปในเครือข่าย และจะได้รางวัลเป็นเหรียญที่เราไปทำการขุดนั่นเอง

DeFi

คือ DeFi หรือ Decentralized Finance แอปพลิเคชันทางการเงินรูปแบบใหม่ที่ไม่จําเป็นต้องมีตัวกลาง (ธนาคารหรือสถาบันการเงินต่าง ๆ) DeFi ถูกต่อยอดขึ้นมาจากเทคโนโลยี Blockchain ที่ทําหน้าที่คอยจัดเก็บข้อมูลธุรกรรม DeFi หรือ “การเงินแบบกระจายอำนาจ” และมีเป้าหมายเพื่อสร้างบริการทางการเงินที่เปิดกว้างสำหรับทุกคน โดยแพลตฟอร์ม DeFi สามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องมีผู้ใดควบคุมเนื่องจาก Smart Contract หรือ “สัญญาอัจฉริยะ” ในระบบสามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเองเมื่อเงื่อนไขครบตามที่ร่างไว้

DeFi คำศัพท์คริปโต

Yield Farming

คือ รูปแบบการทำกำไรอย่างหนึ่งที่มีความคล้ายกับการ Staking แต่แตกต่างกันตรงที่ เงินที่เราเอาไปฝากนั้นถูกนำไปใช้ในระบบจริงๆ เพราะมันจะกลายเป็น “สภาพคล่อง” ให้ระบบๆ นั้นใช้งาน และเราก็จะได้ผลตอบแทนจากระบบในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเหรียญ หรือ ค่าธรรมเนียมที่อาจจะมาจากการใช้งานจริง

คำศัพท์คริปโต

Liquidity Pools

คือ กองทุนในการทำงานของ decentralized exchanges ที่ทำงานด้วยระบบ AMMs แทนการใช้ order books แบบเดิม แทนการใช้การจับคู่ โดย market maker ซึ่ง Liquidity pools จะรับประกันสภาพคล่องของสินทรัพย์ระหว่างผู้ที่เข้าร่วมในตลาดนี้ โดยไม่ได้ขึ้นกับคนที่เข้ามาทำรายการ order books เหมือนในระบบเก่า

NFT

คือ Non Fungible Token เป็นโทเคนที่นำเทคโนโลยี Blockchain มาใช้ ทำให้สามารถแสดงความเป็นเจ้าของของสินทรัพย์นั้นๆ ได้ โดยแต่ละโทเคนจะแตกต่างกัน ไม่ต่างอะไรจากของสะสมหรือของมีมูลค่า ที่แต่ละชิ้นก็จะมีลักษณะเฉพาะตัว ดูตัวอย่างงาน NFT คลิก

คำศัพท์คริปโต NFT Cryptopunk

Metaverse

คือ มาจากคำว่า Meta กับ Verse รวมแล้วได้ความหมายว่าเป็น “จักรวาลที่อยู่เหนือจินตนาการ” ปรากฏครั้งแรกในนวนิยาย Sci-Fi ที่มีชื่อว่า Snow Crash เป็นโลกอีกใบที่ให้ผู้คนได้เข้ามามีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันผ่านการจำลองเป็นตัวละครต่าง ๆ (Avatar) หากยังไม่เห็นภาพเราขอแนะนำให้ไปดูหนังที่ชื่อ Ready Player One ตัวอย่างเหรียญ Metaverse เหรียญ Decentraland , เหรียญ Sandbox

dApps

คือ Decentralized Applications แอปพลิเคชันที่ทำงานแบบ Peer-to-Peerโดยไม่ผ่านตัวกลางเหมือนแอปทั่ว ๆ ไปแต่ดำเนินการด้วย Smart contract บนระบบบล็อคเชนแทน ตัวอย่างของ dApps เช่น Cryptokitties , แพลตฟอร์ม Uniswap , กระเป๋า Metamask Wallet , แพลตฟอร์ม  Solana

กระเป๋า MetaMask

DAO

คือ องค์กรอัตโนมัติแบบกระจายศูนย์ DAO หรือ Decentralized Autonomous Organization คือสิ่งที่พัฒนาต่อยอดมาจาก Decentralized Application หรือ DApp ที่มาจากการประยุกต์ใช้ Smart contract ร่วมกับเทคโนโลยี Blockchain ซึ่งกฏระเบียบต่าง ๆ ของ DAO จะถูกเขียนขึ้นมาในรูปแบบของชุดคำสั่งทางคอมพิวเตอร์ และอยู่บนเครือข่าย Blockchain ที่มีการเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ (Decentralized) นั่นจึงทำให้ทุกคนที่อยู่ในเครือข่ายสามารถตรวจสอบได้ว่าชุดคำสั่งของ DAO นั้น ๆ มีหลักการทำงานอย่างไร เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน จากนั้น DAO จะทำงานผ่าน Smart contract หรือสัญญาอัจฉริยะที่สามารถดำเนินการได้ด้วยตัวเองเมื่อครบเงื่อนไขที่กำหนด

WEB3

คือ อินเทอร์เน็ตที่ชาวเน็ตจะเป็นผู้ควบคุมข้อมูลของตนเอง จะมีการบันทึกในทุกกิจกรรมของผู้ใช้งานในรูปแบบของบล็อกเชนโดยที่ข้อมูลดังกล่าวเหล่าบริษัทใหญ่ไม่ได้เป็นเจ้าของแต่เพียงผู้เดียวอีกต่อไป โดยข้อมูลทั้งหมดบนอินเทอร์เน็ตอยู่ภายใต้การจัดเก็บและการจัดการแบบรวมศูนย์ผ่าน Server ที่เชื่อถือได้ นอกจากนี้ยังมีการนำระบบ AI มาใช้อีกด้วย ตัวอย่างเช่น Metamask Wallet, Coinbase

Wallet

คือ กระเป๋าเงินคริปโต ที่ทำหน้าที่จัดเก็บ ดูแลเงินของเรา และยังใช้ในการทำธุรกรรมต่างๆ บนเครือข่ายบล็อกเชนได้ ตัวอย่างเช่น Nexo , Blockfi, Crypto.com

Market Cap

คือ Market Capitalization เป็นมูลค่าการตลาดของเหรียญคริปโต ดูตัวอย่างที่นี่

Market Cap

Bitcoin Dominance

คือ การคำนวณสัดส่วนมูลค่าตามราคาตลาด (Market Capitalization หรือในบางที่จะเขียนย่อว่า Market Cap) ของ Bitcoin เปรียบเทียบกับตลาดสินทรัพย์ดิจิทัล (Crypto) ทั้งหมด หรืออาจกล่าวได้ว่า Bitcoin Dominance เป็นการบ่งบอกถึงเม็ดเงินลงทุนใน Bitcoin คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของเงินลงทุนทั้งหมดในตลาดคริปโต โดยหลักการการคำนวณ Market Cap ในกรณีนี้คือ การคำนวณจากราคาตลาดของสินทรัพย์นั้น คูณด้วยจำนวนของสินทรัพย์นั้น

Transaction

คือ ข้อมูลการทำธุรกรรมบนเครือข่าย Blockchain ที่เราสามารถตรวจสอบได้

Private Key

คือ กุญแจส่วนตัว ซึ่งใช้ถอดรหัสข้อมูล (Decryption) เนื่องจากความต้องการที่จะรักษาข้อมูลให้เป็นความลับ จึงต้องมีการแปลงข้อมูลโดยการเข้ารหัสข้อมูล (Encryption ) เพื่อไม่ให้บุคคลอื่นสามารถอ่านข้อมูลนั้นได้ โดยให้เฉพาะบุคคลที่ได้รับอนุญาต สามารถอ่านเข้าใจได้เท่านั้น ซึ่งเวลาที่เราสมัครวอลเล็ทต่างๆ เค้าจะให้เราตั้ง Private Key ไว้ด้วย เพื่อความปลอดภัย

KYC

คือ Know Your Customer การยืนยันตัวตนของผู้ใช้งานเมื่อต้องการเปิดบัญชีบนแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น กระดานเทรด และวอลเล็ต และแอพลิเคชั่นเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เร็นซีต่างๆ เพื่อรักษาความปลอดภัยทั้งต่อตัวผู้ใช้เอง และป้องกันเหล่ามิจฉชีพ ข้อมูลที่ระบบต้องการใช้ในการยืนยันตัวตนได้แก่ ชื่อ ที่อยู่ ข้อมูลบนบัตรประชาชน หรือพาสปอร์ต และการถ่ายภาพบุคคล

P2P

คือ Peer to Peer การทำธุรกรรมการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้ใช้และผู้ใช้ด้วยกันโดยไม่ผ่านตัวกลาง

ATH

คือ All Time High ราคาสูงสุดที่เหรียญนั้นเคยมีมูลค่า

ATL

คือ All Time Low ราคาต่ำสุดที่เหรียญนั้นเคยมีมูลค่า

APY

คือ Average Per Yield อัตราผลตอบแทนต่อปี ส่วนใหญ่จะนำไปใช้ในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยในการฝากเงิน หรือกู้ยืมเงินคริปโต

Bullish

คือ ตลาดกระทิง ช่วงที่เป็นตลาดขาขึ้น เหรียญคริปโตราคาพุ่งทำ New High กันแบบฉุดไม่อยู่ บางตัวก็ X100 , X1000 ก็มี

Bearish

คือ ตลาดหมี ช่วงที่เป็นตลาดขาลง มูลค่าของเหรียญต่างๆ จะต่ำลง โดย BTC อาจลงมามากกว่า 50% ส่วน Alt Coin อื่นๆ อาจลงได้มากถึง 90%

กาว

ขอแถมคำศัพท์ภาษาไทย 1 คำ นะคะ หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า “กาว” ที่เค้าชอบใช้กัน แต่ไม่เคยเข้าใจความหมาย ซึ่งคำว่า กาว ในคริปโต คือ การที่เราเพ้อฟันว่าวันหนึ่งเหรียญที่เราถือเอาไว้จะมีมูลค่าสูงขึ้น 100 เท่า ไปจนถึง 1,000 เท่า ชนิดที่ว่าถ้าขายเหรียญในราคานั้นได้ก็สามารถซื้อบ้าน ซื้อรถ ปลดหนี้ ปลดสิน กลายเป็นคนรวยในชั่วข้ามคืนได้เลย ตัวอย่าง เหรียญกาว เช่น เหรียญ Safemoon , เหรียญ GALA , เหรียญ Dogecoin และยังมีอีกมากมาย โดยปกติแล้วเหรียญแนวนี้จะไปทำราคาสูงสุดแบบที่ไม่มีสาเหตุ จู่ๆ ก็ราคาพุ่งทยานฟ้า แล้วจากนั้นไม่นาน อาจจะยังไม่ทันข้ามคืนราคาก็ดิ่งลงเหวแบบไม่ทันตั้งตัว แล้วก็ไม่เคยทำราคากลับไปได้สูงเท่าเดิมอีกเลย เพราะมีการปั่นราคาล่อเม่า หรือนักลงทุนรอยย่อยเข้าไปติดกับ แล้วก็ทำให้ขาดทุนหนักมาก คนที่เคยถือเหรียญเหล่านั้นไว้ เค้าจึงมีความกาว และเพ้อฝันว่าสักวันหนึ่ง เหรียญที่เค้าถือจะทำกำไรให้พวกเค้าอีกครั้ง

FOMO

คือ Fear of Missing Out ความกลัวที่จะพลาดบางสิ่งบางอย่าง ในกรณีของโลกคริปโต คืออาการกลัวว่าถ้าไม่ซื้อเหรียญที่ราคานี้ ในวันข้างหน้าราคาอาจจะแพงขึ้นจนไม่สามารถซื้อได้ และในอีกแง่หนึ่งคือ จะใช้หมายถึงช่วงราคาที่สูงกว่าความเป็นจริงไปมาก และเป็นสัญญาณที่อาจทำให้เกิดการดิ่งลงของราคา กลับมาสู่ราคาพื้นฐานตามจริง

FUD

คือ Fear , Uncertainty และ Doubt ที่ใช้เรียกทั้งพฤติกรรมสำหรับฝั่งนักลงทุน และการวางกลยุทธ์ขั้นเทพสำหรับการทำให้นักลงทุนในตลาดเกิดความกลัว ความสงสัย และเกิดความไม่แน่ใจในการลงทุน

HODL

คือ Hold on for dear life หมายถึงการถือครองคริปโตกันแบบยาวๆ ไม่ต้องสนใจว่าตลาดจะเป็นขาขึ้น หรือขาลง ถือกันไปเลย 3 ปี 5 ปี หรือมากกว่านั้น เพราะเชื่อกันว่าสิ่งที่ลงทุนในอนาคตจะมีค่ามากกว่าวันนี้หลายเท่า ซึ่งภาพด้านล่างคือสิ่งที่สาย HODL วาดฝันกันเอาไว้ เชื่อว่าสักวันหนึ่งจะไปถึง ใครที่อดทนไหวก็จะทำกำไรกันได้หลายเท่าเลยค่ะ

คำศัพท์คริปโต HODL

สรุป คำศัพท์คริปโต

ที่เราเอามาแนะนำกัน บอกเลยว่าช่วยเพิ่มพูนความรู้สุดๆ เป็นแบบเข้าใจง่าย และอัพเดท เพราะโลกเทคโนโลยีโดยเฉพาะคริปโตนั้นเค้าพัฒนากันเร็วมากๆ มีนวัตกรรมใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรื่องเหล่านี้มีผลกับเศรษฐกิจในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ช่วงที่เราอยู่ ณ ตอนนี้ ถือว่าได้เดินมาครึ่งทางของการปฏิวัติโลกการเงินแล้ว เตรียมตัวไว้ก่อน เรียนรู้ก่อน ย่อมได้เปรียบกว่าคนที่มาทีหลังแน่นอน ประตูแห่งโอกาสพร้อมเปิดให้ทุกคนแล้ววันนี้

Crypto Summer อัพเดทสาระดีๆ ในแวดวงคริปโต Web3 , NFT , Metaverse

บทความเพิ่มเติม