Terra คือ อะไร? นำไปใช้ได้อย่างไร พร้อมเหตุผลที่ทำให้ราคาพุ่งแรงในปี 2022

Terra คือ โปรโตคอลบล็อคเชนที่ใช้เหรียญ Stable Coin แบบ fiat-pegged เพื่อขับเคลื่อนระบบการชำระเงินทั่วโลก มีข้อดีเรื่องเสถียรภาพด้านราคา และทำหน้าที่เป็นแบ็คให้กับ Terra US Dollar (UST) วอนเกาหลีใต้ THT หรือบาทไทย และทูกริกมองโกเลีย เป็นต้น ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างมากในแถบเอเชียโดยเฉพาะประเทศเกาหลีใต้ และยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลเกาหลีใต้ด้วย สนใจซื้อเหรียญ Terra คลิก

Crypto Summer อัพเดทสาระดีๆ ในแวดวงคริปโต Web3 , NFT , Metaverse

Terra คือ อะไร?

Terra (LUNA) เป็นโปรโตคอลบล็อคเชนที่ใช้เหรียญ Stable Coin แบบ fiat-pegged (คริปโทเคอร์เรนซี่ ที่มีเงิน Fiat หรือสินทรัพย์ที่ได้รับการรับรองโดยรัฐบาลหนุนหลัง) เพื่อขับเคลื่อนระบบการชำระเงินทั่วโลกที่มีเสถียรภาพด้านราคา จากรายงานของ Terra ได้รวมเอาความเสถียรของราคาและการยอมรับสกุลเงิน fiat อย่างกว้างขวางเข้ากับการต่อต้านการเซ็นเซอร์ของ Bitcoin (BTC) และเสนอการชำระราคาที่รวดเร็วและราคาไม่แพง

Terra (LUNA) ถูกสร้างขึ้นโดย Terraform Labs ซึ่งเริ่มต้นโดย Daniel Shin และ Do Kwon ผู้สร้างชาวเกาหลีใต้

การพัฒนาบน Terra เริ่มขึ้นในเดือนมกราคม 2018 และ mainnet ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน 2019 ณ เดือนกันยายนปี 2021 ได้ให้บริการเหรียญที่มีเสถียรภาพโดยผูกกับดอลลาร์สหรัฐ วอนเกาหลีใต้ ทูกริกมองโกเลีย และตะกร้าสกุลเงินพิเศษถอนเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ — และมีความตั้งใจที่จะเปิดตัว ตัวเลือกแบบอื่นๆ เพิ่มเติม

Terra Ecosystem
ระบบนิเวศ Terra

เหรียญ LUNA โทเคนดั้งเดิมของ Terra ใช้เพื่อทำให้ราคา stablecoin ของโปรโตคอล มีเสถียรภาพ ผู้ที่ถือ LUNA ยังสามารถยื่นและลงคะแนนเสียงข้อเสนอด้านการกำกับดูแลได้ ซึ่งทำให้การทำงานของ Governance Token ดำเนินงานต่อไปได้

ตัวอย่างเช่น เหรียญ UST ที่สร้างบน Terra ตะถูกตรึงกับดอลลาร์สหรัฐ และอัลกอริทึมของมัน หมายความว่าจะยังคงเชื่อมโยงกับสกุลเงิน fiat นี้โดยไม่คำนึงถึงความผันผวนของราคาที่เกิดขึ้นใน cryptocurrencies อื่น ๆ เช่น Bitcoin หรือ Ethereum

ไม่เหมือนกับ cryptocurrencies อื่น ๆ ส่วนใหญ่ในตลาด ราคาของ Terra ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอุปสงค์และอุปทาน แต่เป็นอัลกอริธึมที่ตรึงไว้กับ USD เนื่องจากสกุลเงินดิจิทัลผูกติดกับสกุลเงิน fiat Terra สามารถเพิ่มมูลค่าได้เมื่อเวลาผ่านไป และไม่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคา

บทบาทของ Terra สำหรับ UST

โทเคน LUNA และ UST นั้นพึ่งพาอาศัยกัน เนื่องมาจากความสำเร็จของระบบนิเวศ Terra ที่เป็นต้นทางในการพัฒนาของเหรียญ UST ในฐานะที่เป็นสกุลเงินแบบ Stable Coin เหรียญ LUNA เป็นตัวสนับสนุน UST และจะถูก burned (เผากำจัดทิ้ง) เมื่อความต้องการ UST เพิ่มขึ้น หลังจากการอัพเกรด เช่น โคลัมบัส-5 อุปทานของ LUNA อาจมีสภาวะฝืดเคืองอย่างมากในระยะยาวได้

ในทางกลับกัน มูลค่าของ LUNA ก็อาจลดลงได้เช่นกันหาก UST ถูกมองว่าไม่เสถียร เหรียญ UST สูญเสียการตรึงราคาไปชั่วคราวหลังจากการแฮ็ก Wormhole ทำให้ราคา LUNA ตกต่ำลง

การทำงานของ Terra (LUNA) มีอะไรบ้าง

1. เหรียญ Stable Coin

  • TerraUSD (UST)
  • TerraKRW (KRT)
  • TerraMNT
  • TerraSDR (SDT)

2. Anchor Protocol

แพลตฟอร์มที่ใช้สำหรับฝากเงินกินดอกเบี้ยแบบธนาคาร และเรายังสามารถปล่อยกู้ หรือยืมเงินจากระบบได้อีกด้วย

3. Mirror Protocol

แพลตฟอร์มในการสร้าง Synthetic Asset ในหุ้นเทคโนโลยี ซึ่งสามารถสร้างโทเคนที่อ้างอิงกับหุ้นชั้นนำอย่าง Tesla, Amazon, Alphabet ฯลฯ ได้โดยใช้เหรียญ LUNA เป็นสินทรัพย์อ้างอิงและนักลงทุนสามารถนำไปทำ Yield Farming ต่อได้อีก

4. CHAI

แอพชำระเงินที่เป็นที่นิยมอย่างมากในเกาหลีใต้

5. GAS

หลักการใช้งานเหมือน Ethereum ที่ใช้ในการทำธุรรกรรมบน Smart Contracts

6. Staking

การนำเหรียญ Terra (LUNA) ไปฝากไว้ในระยะเวลาสั้นๆ บน Terra Ecosystem เพื่อรับดอกเบี้ย ซึ่งข้อดีคือ มีค่าธรรมเนียมที่ถูกมากๆ

7. LUNA

เหรียญ LUNA เป็นเหรียญดั้งเดิมที่ใช้สำหรับระบบนิเวศ Terra เหรียญนี้ทำหน้าที่ได้หลายอย่าง แต่หน้าที่หลักคือ การเป็นสินทรัพย์ประกันราคาเหรียญ Stable Coin ต่างๆ ในระบบ

8. Consensus (ฉันทามติ)

Terra (LUNA) ใช้รูปแบบเครือข่าย DPoS (Delegated Proof-of-Stake)

9. Governance

Validator หรือ ผู้ตรวจสอบความถูกต้อง สามารถได้รับการลงคะแนนเสียงเกี่ยวกับการอัพเดทเครือข่ายครั้งสำคัญได้

Terra (LUNA) ข้อดี ข้อเสีย

ข้อดี

  1. ทำให้ระบบการเงินคล่องตัวมากขึ้น Terra ได้สร้างระบบนิเวศที่โปร่งใสขึ้นมา โดยการตัดส่วนที่ยุ่งยากออกไปนั่นก็คือ เครือข่ายบัตรเครดิต ธนาคาร ช่องทางการชำระเงินต่างๆ ด้วยการใช้บล็อกเชนเพียงชั้นเดียว
  2. มีการใช้หลักทรัพย์จริงในการประกันราคาเหรียญ Stable Coin ในระบบ
  3. Terra มามารถใช้งานได้บนหลากหลายเชน เช่น Ethereum , Solana และมีการพัฒนาเพื่อใช้กับเชนอื่นๆ ในอนาคตได้อีก
  4. สามารถตั้งโปรแกรมเองได้บนเครือข่ายของ Terra
  5. มีทุกอย่างครบไม่ว่าจะเป็น Payment , Wallet , Synthetic, DeFi , NFT, Metaverse
  6. มีรัฐบาลเกาหลีใต้ให้การสนับสนุนอย่างเป็นทางการ

ข้อเสีย

  1. ไม่มีตัวเลขที่แน่ชัดเกี่ยวกับจำนวนเหรียญ Terra ในระบบ ซึ่งจะเกี่ยวโยงไปถึงเรื่องความโปร่งใสของธุรกิจได้
  2. ค่าธรรมเนียมถูกกว่าแต่ก็มีค่าธรรมเนียมหลายประเภทที่ต้องเสีย
  3. มีการแข่งขันที่สูง ในส่วนของการทำ Stable Coin ก็ยังมีอีกหลายบริษัทที่เป็นผู้แข่งขันที่น่ากลัว เช่น USDT,  Maker และเหรียญ USDC
  4. เป็นเป้าให้กับ Regulator (หน่วยงานที่กำกับดูแล) ทั้งหลายจ้องจับผิด เพราะ Terra ทำหน้าที่เหมือนธนาคาร ที่อาจมีปัญหาเกี่ยวเนื่องไปถึงเรื่องความมั่นคงของประเทศได้
  5. เป็นที่นิยมเฉพาะในแถบเอเชีย ยังไม่สามารถเติบโตในระดับสากลเท่าที่ควร

บทส่งท้าย

Terra (LUNA) นั้นเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีความน่าสนใจมากๆ มีจุดเด่นในเรื่องของการเป็นพื้นที่ให้สร้าง Stable Coin ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เช่น UST และยังมีการสร้างระบบนิเวศรองรับการทำธุรกรรมทางการเงินบนโลกดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งในแง่ของการทำ DeFi ,Wallet ระบบการชำระเงินโดยใช้เงินคริปโต และโปรเจ็กต์อีกกว่า 100 โปรเจ็กต์ที่ใช้งานบน Terra (LUNA) นอกจากนี้แล้วรัฐบาลเกาหลีใต้เองยังให้การสนับสนุนด้วย ส่วนข้อที่น่ากังวลคือเรื่องของจำนวนเหรียญ Terra (LUNA) ที่มีทั้งหมดในระบบ ที่ยังไม่เป็นที่ชัดเจน และตัว Terra (LUNA) ก็ยังต้องทำให้ UST เป็นที่นิยมใช้มากกว่า เหรียญ USDT และเหรียญ USDC ที่จัดว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวมากๆ อีก ด้วย สนใจซื้อเหรียญ Terra ที่ Binance คลิก

**การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล มีความเสี่ยงสูง ควรศึกษาและทำความเข้าใจให้ดีก่อนลงทุน**

ที่มาเนื้อหา

Coinmarketcap

securities.io

บทความเพิ่มเติม